วันอาทิตย์ที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2554

Better Weather


5 หนุ่มนักดนตรีรุ่นใหม่จากโซนี่ มิวสิค กับดนตรีป๊อบกลิ่นอายยุโรป เน้นความไพเราะ ฟังง่าย แต่มีสไตล์ของตัวเองที่ชัดเจน ในนาม Better Weather 

สมาชิกทั้ง 5 ของวงประกอบด้วย 
ดิว - ธนภัทร์ ธนากรกานต์ (ร้องนำ)
ฟุ้ง - อัครชนช์ ราชปันดิ (กีตาร์) 
ตั้ม - อัศวพงศ์ วงศ์ประเสริฐ (กลอง)
แจ็ค - พร้อมพงษ์ พรหมปัญโญ (เบส) 
บาส - ภาณุภัทร์ สุกัลยารักษ์ (กีต้าร์)

           การรวมตัวของพวกเขาทั้ง 5 เริ่มต้นมาจาก ฟุ้ง ดิว ตั้ม แจ็ค เป็นเพื่อนเรียนด้วยกันมาตั้งแต่ชั้นมัธยมที่โรงเรียนอัสสัมชัญ ลำปาง ในเวลานั้นพวกเขาตั้งวงเล่นดนตรี และแต่งเพลงกันเองเฉกเช่นวัยรุ่นทั่วไปที่มีความฝันอยากจะก้าวไปสู่ถนนดนตรี กระทั่ง ฟุ้ง เข้ามาเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพ และได้เจอกับ บาส ที่ชอบเล่นดนตรีเหมือนๆกัน
         ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัย เปรียบเสมือนประตูบานใหญ่ ที่เปิดโอกาสให้นักศึกษาหลายๆคนได้ก้าวไปสู่อาชีพที่ใฝ่ฝัน แน่นอน – เวทีสำหรับคนที่รักในเสียงเพลงก็หนีไม่พ้นเวทีประกวดดนตรี ซึ่ง ฟุ้ง และ บาส ก็ไม่พลาดที่จะส่งผลงานที่แต่งขึ้นไปแข่งกับเขาด้วย โดยเฉพาะ ฟุ้ง ได้เอาเพลงที่เคยแต่งร่วมกับเพื่อนๆสมัยมัธยมส่งเข้าประกวด U Band Battle จากนั้นก็ตัดสินใจชักชวนเพื่อนสมัยมัธยม และ บาส มารวมตัวกันทำวงในนาม Better Weather จนผ่านการคัดเลือกเข้ารอบสุดท้ายๆ จึงทำให้มีโอกาสนำเพลง “ไม่รู้” มาบันทึกเสียงลงในอัลบั้ม U Band Battle Project I ซึ่งเป็นอัลบั้มรวมเพลงจากศิลปินที่เข้ารอบสุดท้ายของการประกวดในคราวนั้น
     
          หลายคนอาจจะคุ้นชินกับดนตรีจากฝั่งยุโรปกันมาก็หลากหลาย เพลงป๊อป ในแบบของ    Better Weather คือนิยามใหม่ทางดนตรีที่สะท้อนความเป็นตัวตนของพวกเขาทั้ง 5 ผ่านออกมาในบทเพลง ที่เน้นความไพเราะ ฟังสบาย แต่ก็มีจิตวิญาณของพวกเขาผสมลงไปในผลงานด้วย
        “เพลงของวงเราจะฟังสบาย และเป็นเพลงที่จับต้องได้ง่ายนะครับ เพลงของพวกเราไม่ได้อยู่เหนือเหตุผล คนที่มาฟังไม่จำเป็นต้องมีประสบการณ์ทางดนตรีเยอะ ความแตกต่างของเราก็คือ เราจะเอาส่วนดีของเพลงที่ฟังง่าย กับความชอบทางดนตรีของเราที่คนอื่นเขาคิดว่าเข้าถึงยาก ก็คือซาวนด์จากฝั่งยุโรปมาผสมกัน เพื่อให้มันเกิดจุดกึ่งกลางในความสมดุลทั้งสองอย่าง เพื่อไม่ให้คนฟังเขารู้สึกว่ามันเป็นเพลงป๊อปทั่วไป ถ้าคนที่ตั้งใจฟังในส่วนของดนตรี เขาก็จะรู้ว่ามันมีส่วนผสมตรงนี้ ซึ่งพวกเราก็พยายามทำให้มันลงตัว โดยเฉพาะในเรื่องของซาวนด์ทั้งกีตาร์และกลองที่เราพิถีพิถันมากในการบันทึก เสียงให้ได้สำเนียงดนตรีฝั่งยุโรปครับ”
        ถ้าจะให้คำจำกัดความสั้นๆ บทเพลงของ Better Weather นำเสนอภาพรวมที่จะให้อารมณ์ และความรู้สึกที่แตกต่างในการฟังจากเพลงป๊อปทั่วไป เพราะนอกจากการเน้นในเรื่องของ ซาวนด์ เสียงร้องของดิว จะเป็นอีกส่วนที่เข้ามาเสริมให้บทเพลงของ Better Weather น่าฟังขึ้นอีกมาก พิสูจน์ได้จากเพลง “Is This Love?” ที่ถูกเลือกเป็นซิงเกิลแรกของวง โดยความพิเศษของ เพลงนี้เป็นจะเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างแสตมป์ อภิวัชร์ และฟุ้งซึ่งนอกจากจะเป็นสมาชิกของ Better Weather แล้ว ยังเป็นมือกีต้าร์ที่เล่นให้กับแสตมป์ในคอนเสิร์ตต่างๆอีกด้วย
        “เพลงนี้ตอนแรกผมทำพาร์ทคอร์ดมา ก็มานั่งแจมพี่แสตมป์ระหว่างทัวร์คอนเสิร์ท แล้วผมกับดิวก็เอามาช่วยกันทำต่อในส่วนเนื้อร้อง แล้วพวกท่อนแยกก็เอามาช่วยกันกับบาสกับดิว จนได้มาเป็นเพลงนี้ครับ”
        นี่เป็นแค่น้ำย่อยที่ Better Weather นำมากระตุ้นโสตประสาท สำหรับนักฟังที่ชอบแสวงหาแนวทางใหม่ๆให้กับตัวเอง ที่แน่ๆพวกเขายังมีลูกเล่นและสุนทรียะอื่นๆอีกมายมายรออยู่ในอัลบั้ม

ตัวอย่างเพลง



klear

สมาชิกประกอบด้วย
รัณนภันต์ ยั่งยืนพูนชัย (แพท) - Vocal
ณัฐวัฒน์ แสงวิจิตร (ณัฐ) - Guitar
คียาภัทร โพธิ์วงศ์ไพรเลิศ (คี) - Bass
นัฐ นิลวิเชียร (นัฐ) - Drum
ปนัสฐ์ นาครำไพ (พ้อยท์) - Piano

KLEAR คือ สี่คนรุ่นใหม่บนเส้นทางสายดนตรีที่มารวมกลุ่มกันโดยมีความฝันเป็นที่ตั้ง
เริ่ม ต้นในปี 2545 จากการประกวดวงดนตรีในมหาวิทยาลัย KLEAR ผ่านการประกวดมาหลายเวที
เช่น Bangkok Music Awards, Thailand University Music Awards หรือเวที GBOB ซึ่งในทุกเวที
พวกเขาก็ได้คว้า รางวัลสำคัญ ๆ มากมาย รวมถึงการเข้าร่วมกิจกรรมบนเวทีของเทศกาลดนตรีต่าง ๆ
ไม่ ว่าจะเป็น Pattaya Music Festival, Fat Festival, Indy In Town เป็นต้น
จนวันหนึ่ง ทั้งสี่คนก็ได้พบกับ ต้า จากวง PARADOX และก็ร่วมทำ DEMO อัลบั้มของ KLEAR
โดย ต้า รับหน้าที่เป็นโปรดิวเซอร์อัลบั้มนี้ และยังได้แนะนำวง KLEAR ให้เข้ามาคุยกับสังกัดจีนี่
เร็คคอร์ด หลังจากนั้นไม่นาน KLEAR ก็เข้าเป็นศิลปินอย่างเต็มตัวภายใต้สักกัดจีนี่
ภายในปี 2550 นี้เอง

แนวเพลงของ KLEAR
เป็นการรวมหลาย ๆ แนวเข้าด้วยกัน เช่น เมโลดี้ที่เปล่งเสียงอย่างหม่นเศร้าและโหยหวน 
มีกลิ่นไอของดนตรีแบบโก ธิค (Gothic) แต่ในขณะเดียวกันบางเพลงออกเป็นแจ๊ส แต่ส่วนของกลอง
กลับ เป็นร็อกมัน ๆ ลักษณะเด่นคือแพทเทิร์นกลองของมือซ้าย (นัฐ – มือกลองเป็นคนถนัดซ้ายแต่
สามารถตีได้ทั้ง 2 มือ) ทำให้เป็นไลน์กลองที่ไม่เหมือนใครและลอกเลียนแบบได้ยาก
สำหรับไลน์ เปียโน เป็นเปียโนในท่วงทำนองและกลิ่นอายดนตรีคลาสิคที่ผสมของเสียงซินธีไซเซอร์ ด้วย
ซึ่งเสียงซินธีไซเซอร์นี้มาจากเบสซึ่งทำให้ตัวเพลงมีความน่าสนใจ อย่างมาก

ตัวอย่างเพลง